สิงคโปร์ในยุคสงครามโลกครั้งที่2

มายุคสงครามโลกครั้งที่ 2  สิงคโปร์ต้องเข้าสู่สงครามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในปี ค.ศ.1941 กองทัพญี่ปุ่นได้บุกและยึกมะละกา หลังจากนั้นอีกเพียง 1 ปี  ญี่ปุ่นก็ยึกเกาะสิงคโปร์จากการปกครองของอังกฤษได้ โดยบุกเข้าทางบกจากทางทิศเหนือได้อย่างง่ายดาย เพราะกองทัพอังกฤษมัวแต่ป้องกันเกาะสิงคโปร์ทางด้านทิศตะวันออกของเกาะ  เพราะคิดว่าญี่ปุ่นจะบุกเข้ามาทางทะเล

เมื่อยึดได้ ญี่ปุ่นก็เปลี่ยนชื่อให้สิงคโปร์เสียใหม่เป็น “โชนัน” แปลว่า เกาะโชติช่วงทางทิศใต้ ในห้วงช่วงเวลานี้ประชาชนต่างมีความยากลำบาก อดอยาก ชาวจีนถูกใช้แรงงานอย่างหนักหรือไม่ก็ถูกฆ่า ชาวตะวันตกถูกจับตัวเป็นเชลยและถูกกักกัน ชาวอินเดียและชาวมาเลย์ ต้องไปเป็นทาสรับใช้ทหารญี่ปุ่น

จนกระทั่งญี่ปุ่นประกาศแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 จากการที่ถูกสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณู 2 ลูกที่เมืองฮิโรชิมาและเมืองนางาซากิในวันที่ 6 และ 9 สิงหาคม ค.ศ.1945 ตามลำดับ ประกอบความพ่ายแพ้ของฝ่ายอักษะในอีกหลายๆ สมรภูมิ ญี่ปุ่นจึงได้ลงนามคืนเกาะสิงคโปร์ให้กับอังกฤษตามเดิมในอีกไม่กี่วันต่อมา

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวมาลายูเริ่มเรียกร้องที่จะไม่อยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ และชาวสิงคโปร์เองก็เริ่มมีกระแสชาตินิยม อังกฤษจึงจัดตั้งให้สิงคโปร์เป็นอาณานิคมในเครือจักรภพอังกฤษโดยแยกออกจากมาลายู

ในช่วงนี้ได้เกิดจากการจลาจลขึ้นหลายครั้ง ด้ยอิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์มลายู เพื่อต่อต้านลัทธิจักรวรรดินิยมของอังกฤษ มีการก่อกวนให้เกิดความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจและสร้างสถานกรณ์ให้เกิดความน่ากลัวขึ้นในหมู่ประชาชนและพ่อค้าชาวต่างชาติ

พรรคการเมืองในยุคแรกประกอบด้วยพรรคคอมมิวนิสต์ พรรคกิจประชาชน พรรคแรงงานแนวหน้าและพรรคก้าวหน้าผู้ว่าการรัฐของสิงคโปร์ชาวอังกฤษ ได้ประกาศให้สิงคโปร์มีการปกครองตนเอง  จึงได้จัดให้มีการเลือกตั้งขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1948 แต่ก็มีผู้ไปใช้สิทธิ์ออกเสียงน้อยมาก

ปี 1955 มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เดวิด มาร์แชล สมาชิกพรรคแนวหน้ากรรมกร  ได้รับเลือกให้เป็นประมุขฝ่ายบริหารคนแรก  เขาได้เดินทางไปลอนดอนเพื่อเปิดเจรจาขออิสรภาพจากอังกฤษ แต่ไม่เป็นผล จึงประกาศลาออกจากตำแหน่ง ลิม ยู ฮก จึงได้เข้ารับตำแหน่งแทนแล้วกลับไปเจรจากับอังกฤษอีกครั้ง อังกฤษจึงยอมให้จำนวนสมาชิกสภาเพิ่มจาก 32 คน เป็น 51 คน แต่ก็ยังไม่มีอำนาจควบคุมกิจการต่างประเทศและไม่ให้มีอำนาจทางการทหาร

มาถึงการเลือกตั้งทั่วไปในปี 1959 พรรคกิจประชาชน ได้รับเลือกเข้าสภามากถึง 43 ที่นั่ง จาก51 ที่นั่ง นายลี กวย ยู เลขาธิการพรรค จึงได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์คนแรกของสิงคโปร์และดำรงตำแหน่งยาวนานจนถึงปี ค.ศ. 1990 ผูกขาดคนเดียวถึง 31 ปี

ในช่วงแรกของการบริหารพรรคกิจประชาชน  ไม่ค่อยราบรื่นและมีเสถียรภาพทางการเมืองมากนัก เพราะมีความพยายามจากพรรคการเมืองต่างๆ โค่นล้มเขาลงจากนายกรัฐมนตรี ลีกวนยู จึงได้พยายามสร้างผลงาน   เพื่อความเป็นปึกแผ่นของรัฐบาลและของประเทศโดยเน้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจแทนการเล่นเกมการเมืองกับพรรคการเมืองฝ่ายค้าน  การสร้างงานให้ประชาชนมีงานทำและมีรายได้โดยเฉพาะการขยายตัวทางด้านอุตสาหกรรมการผลิต  แต่จุดอ่อนของประเทศคือการขาดทรัพยากรธรรมชาติที่จะมาป้อนโรงงานอุตสาหกรรมเหล่านี้

จึงมีการตกลงสัญญาที่กรุงลอนดอน  กำหนดให้สิงคโปร์รวมกับรัฐซาราวัคและซาบาห์ (บนเกาะบอร์เนียวเหนือ) เป็นรัฐหนึ่งในสหพันธรัฐมาเลเซีย  แต่ก็ได้รับการต่อต้านจากคนมาเลย์เพราะไม่ต้องการให้คนจีนในสิงคโปร์ที่มีวัฒนธรรมแตกต่างกันซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ เข้ามารวมกับดินแดนของตน จนเกิดการจลาจลใหญ่ขึ้นถึง 2 ครั้ง ในปี ค.ศ.1964 จนทำให้สิงคโปร์จำต้องแยกตัวออกมาจากมาเลเซียในปีต่อมาหลังจากรวมประเทศได้เพียง 2 ปีเท่านั้น และในวันที่ 9 สิงหาคม 1965 ก็ถือโอกาสประกาศอิสรภาพไม่จกเป็นอาณานิคมของอังกฤษนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

บิดาผู้สร้างชาติสิงคโปร์ยุคใหม่ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ลี กวน ยู (คล้ายๆ เหมา เจ๋อ ตุง และ เติ้งเสี่ยวผิง ผู้สร้างชสติจีน , โฮ จิ มินห์ ผู้สร้างชาติเวียดนาม , ปัก จุง ฮี ผู้สร้างชาติเกาหลีใต้ และซูการ์โน ผู้สร้างชาติอินนีเซีย)

ลี กวน ยู เชื้อสายเป็นคนจีนแคะ ที่อพยพมาจากมณฑลฮกเกี้ยน ถือเป็นบุคคลรุ่นที่ 3 เป็นบุคคลที่รอบรู้และพูดได้หลายภาษาทั้งจีนฮกเกี้ยนตามบรรพบุรุษ จีนกวางตุ้ง ภาษามาลายู อังกฤษและญี่ปุ่นสมัยที่สิงคโปร์ถูกปกครองโดยอังกฤษ ลี กวน ยู จึงได้รับการศึกษาและการฝึกอบรมสั่งสอนแบบตะวันตก เข้าเป็นศิษย์เก่าของวิทยาลัย Raffles  Collage ในสิงคโปร์ บัณฑิตนิสิตศาสตร์จบวิชากฏหมายจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ที่อังกฤษ

แม้เขาจะไม่ชอบทั้งอังกฤษและญี่ปุ่น ที่เคยครอบครองประเทศของเขา แต่ลี กวน ยู ก็รับแบบอย่างที่ดีมาจาดทั้งสองประเทศมาใช้ในการพัฒนาประเทศเขาเป็นคนที่ตั้งใจทำงาน  ซื่อสัตย์  ฉลาดและยอมไม่ได้กับการคอรัปชั่นและผลงานที่ไม่เอาไหนของบุคคลอื่นๆ แต่ตรงกันข้ามเขากลับไม่ยอมให้ฝ่ายตรงค้าน ได้โผล่ขึ้นมามีบทบาทได้เลบยแม้แต่น้อยแม้เขาจะเป็นผู้นำของประเทศเล็กๆในภูมิภาคนี้  เข้าก็ตั้งใจที่จะพัฒนาสร้างชาติสิงคโปร์ให้เจริญรุดหน้าเทียบเท่าชาติมหาอำนาจจากฝั่งตะวันตก

พรรค People’s Party Action คือพรรคการเมืองที่เขาตั้งขึ้น เป็นขวัญใจชาวสิงคโปร์มาโดยตลอด การเลือกตั้งแต่ละครั้ง เรียกได้ว่า “นอนมา” ยากที่ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งจากพรรคอื่นจะแทรกเข้าไปในสภาได้  ก็เพราะนโยบายและผลงานของรัฐบาลที่ “เข้าตา” นั้นได้สร้างความมั่นคั่งและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในหมู่ประชาชนกันโดยถ้วนหน้า ประชาชนสิงคโปร์จึงพอใจไม่มีใครคิดลองของใหม่  ซึ่งไม่แน่ว่าจะดีกว่าเดิมหรือไม่

จะคิดจะทำอะไร  รัฐบาลจะเป็นคนคิดแทนประชาชน  ทำประชาพิจารณ์  ถ้าคนส่วนใหญเห็นด้วยก็ทำ  ไม่เห็นด้วยก็เลิก  แต่โดยส่วนใหญ่เอาด้วยอยู่แล้ว  จะมีใครกล้าออกนอกกรอบ  ประชาชนจึงเป็นผู้ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลอย่างอย่างเดียวเท่านั้น   การรณรงค์ในเรื่องต่างๆ รัฐบาลสิงคโปร์จะใช้กฏหมายเข้ามาควบคุมกำหนดโทษผู้ฝ่าฝืนด้วยความเข้มงวด  ตัวอย่างเช่นการทิ้งขยะไม่เป็นที่  ก็จะถูกปรับเป็นเงินมูลค่าสูงลิ่ว  จึงไม่มีใครคิดอยากจะเสี่ยง

ในเรื่องเศรษฐกิจการค้าขาย สิงคโปร์ถือได้ว่าประสบความสำเร็จและเป็นผู้นำบนเวทีโลก  ลี กวน ยู  สามารถทำให้สิงคโปร์กลายเป็นศูนย์กลางทางการเงินการธนาคาร  ตลาดหุ้น  การคมนาคมทางอากาศ  ท่าเรือพาณิชย์พาณิชย์ขนาดใหญ่ขาสินค้าทั่วโลก  ทั้งๆ สิงคโปร์ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญอันใดในปัจจุบัน  สิงคโปร์ได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศชั้นแนวหน้าในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว  ประชาชนพลเมืองได้รับการเชื่อถือจากนานาอารยประเทศ  แต่อย่างไรก็ตามสิงคโปร์ก็ไม่เคยหยุดนิ่ง  ยังคงก้าวเดินพัฒนาประเทศเล็กๆ ของพวกเขาต่อไป  โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยวนั้นสิงคโปร์ได้พัฒนาหรือสร้างสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ให้ชาวโลกได้ตื่นตะลึงและกล่าวขานอยู่เป็นประจำ

สนใจท่องเที่ยวตามโปรแกรมทัวร์ด้านบน โทร 085 384 0228 / 081 415 5955 หรือ ดาวโหลดโปรแกรมทัวร์ได้ที่ www.ทัวร์เกาะลังกาวี.com